Skip to content
ปอศ.ทลาย แก๊งเงินกู้เมืองสารคราม จับเจ๊เล็ก-เสี่ยใหญ่ ดอกเบี้ยสุดโหดร้อยละ25/เดือน ผิดนัดส่งลูกน้องตามขู่ถึงบ้าน ค้น9จุด รวบ26ราย เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2565 พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ภาดล จันท์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.กริช วรทัต รอง ผกก.5 บก.ปอศ. ร่วมแถลงผลยุทธการทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบ หลังปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 9 จุด ในพื้นที่ จ.มหาสารคาม พร้อมจับกุม นายเสวกหรือใหญ่ อายุ 43 ปี และ น.ส.ฐานิตาหรือ เจ๊เล็ก อายุ 39 ปี สองสามีภรรยา กับพวก รวม 26 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และ ร่วมกันกระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่ โดยผิดกฎหมาย” พร้อมของกลาง 11 รายการ อาทิ โทรศัพท์มือถือ, สมุดบัญชีเงินฝาก และเอกสารเกี่ยวกับลูกหนี้ รวมจำนวน 1,796 ชิ้น แและของที่ซีลอยู่ใน ถุงซิปล็อค ถุงซิป พล.ต.ต.พุฒิเดช เปิดเผยว่า ก่อนหน้าศูนย์ปราบปรามหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ว่า ถูกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบในพื้นที่ ตามข่มขู่ คุกคาม รวมถึงบุกเข้าไปข่มขู่ถึงที่ทำงานและที่บ้าน ทำให้เกิดความหวาดกลัว เกรงว่าจะได้รับอันตรายจนต้องหลบซ่อนตัว โดยเครือข่ายดังกล่าวได้ปล่อยเงินกู้นอกระบบและเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูงมาก อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละยี่สิบต่อ 24 วัน หรือ ร้อยละ 25บาท/เดือน หรือ ร้อยละ303บาท/ปี มีน.ส.ฐานิตา หรือเจ๊เล็ก และนายเสวก หรือใหญ่ สองสามีภรรยาเป็นนายทุน คอยดูแลลูกน้องที่ออกเก็บดอกเบี้ยเงินกู้รายวันจำนวนหลายสิบคน ทราบต่อมาว่า กลุ่มผู้ต้องหารวมตัวกันพักอาศัยอยู่ที่ จ.มหาสารคาม โดยจะใช้รถเก๋งโตโยต้า วีออส รุ่นเก่า กว่า 20 คัน ออกตระเวณปล่อยเงินกู้ และเก็บดอกเบี้ย จากลูกหนี้ในพื้นที่ จ.มหาสารคาม ,ร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์ พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง จำนวน 24 ราย ก่อนสนธิกำลังตำรวจกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (บก.ปพ.) เปิดยุทธการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 9 จุด ในพื้นที่จ.มหาสารคาม เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ไว้ได้ 10 คน และจับกุมผู้ที่ร่วมกระทำความผิดได้อีก 16 ราย รวม 26 ราย พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวอีกด้วยว่า กลุ่มผู้ต้องหาถือเป็นเครือข่ายใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสืบสวนจับกุมมา คาดว่าจะมีผู้เสียหายถึงหลักพันคน โดยพบแต่ละวันมีเงินหมุนเวียนหลายล้านบาท ซึ่งจากการสอบสวน นายเสวกให้การรับสารภาพ ว่าทำมาแล้วกว่า 5 ปี นายเสวกยังเคยถูกจับกุมเมื่อปี 2553 และ 2558 คดีปล่อยเงินกู้ด้วยเช่นกัน ส่วนกลุ่มลูกน้องในแก๊งนั้น พบเคยมีประวัติต้องโทษ 10 คน โดยเป็นวัยรุ่นที่ว่างงาน บางคนเคยมีประวัติยาเสพติด หรือทำงานในลักษณะนี้มาก่อน จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดี และติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีไปได้อีก 14 ราย อีกด้วย